เดนนิส อมาโต้ "Mr.Solution"

ชื่อของ เดนนิส อมาโต้ (Dennis Amato) โค้ชชาวเยอรมัน ผู้คลุกคลีอยู่กับวงการฟุตบอลไทยมาอย่างยาวนาน แม้จะไม่ใช่กุนซือระดับบิ๊กเนมที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวกับฟุตบอลไทย จนถึงปัจจุบันก็น่าจะเกือบ 10 ปีเข้าไปแล้ว สิ่งนี้ก็น่าจะทำให้เรื่องราวของผู้ฝึกสอนชาวเมืองเบียร์ผู้นี้ มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ทีมงาน OTB ได้รับโอกาสอันดีในการพูดคุยกับเขา ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาและมุมมองเกี่ยวกับฟุตบอลไทย มาลองสัมผัสตัวตนของเขาไปด้วยกันครับ
เริ่มต้น จบลง และเริ่มต้นใหม่
เดนนิส อมาโต้ เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 1980 ปัจจุบันอายุ 45 ปี เริ่มต้นเส้นทางในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ โดยลงเล่นให้กับทีมไมนซ์ 05 ในระดับลีกาสองของเยอรมนี แต่เส้นทางการค้าแข้งของเขานั้นกลับสั้นกว่าที่คิดไว้มาก เนื่องจากตัวเขาโชคร้ายมีอาการบาดเจ็บเรื้อรัง แม้หัวใจจะยังอยากเล่นต่อ แต่ร่างกายนั้นไปต่อไม่ไหวอีกแล้ว ทำให้เขาต้องเลิกเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุได้เพียง 21 ปีเท่านั้น

เขาเล่าว่า แม้จะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากมากๆ เมื่อต้องเห็นเพื่อนนักเตะรุ่นเดียวกัน อย่างมิโรสลาฟ โคลเซ่ และมิชาเอล บัลลัค ก้าวไปถึงระดับฟุตบอลโลก โดยที่ตัวเขาเองทำได้เพียงแค่นั่งดู แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องยอมรับกับมันให้ได้ และก้าวต่อไปข้างหน้า
ดังนั้นเขาจึงเลือกเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าสู่การเป็นโค้ชอย่างรวดเร็ว และต้องการเริ่มให้เร็วที่สุด โดยมองว่านี่อาจเป็นหนทางที่จะสามารถนำความรู้ ความเข้าใจในเกม และภาวะผู้นำที่สั่งสมมาของตัวเอง นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ช่วงแรกหลังจากเลิกเล่น เดนนิสทำงานด้านสื่อที่เยอรมนี และรับงานโค้ชควบคู่กันไปด้วย แต่งานด้านฟุตบอลก็ยังไม่ใช่งานหลักของเขา จนกระทั่งมีโอกาสครั้งสำคัญเข้ามา
จุดเปลี่ยนข้ามทวีป จากตะวันตกสู่ตะวันออก
ในปี 2016 สโมสรบาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่แห่งเยอรมัน จับมือเป็นพันธมิตรกับองค์กรในประเทศไทย จัดตั้ง STB (Sport Thai Bavaria) เพื่อทำโครงการพัฒนาฟุตบอลเยาวชนในประเทศ และเป็นเดนนิส ที่ถูกทาบทามให้เดินทางมาเป็นผู้อำนวยการโครงการ โดยตัวของเดนนิสเองนั้นนี่คือการเดินทางมาเอเชียครั้งแรกของตัวเขาอีกด้วย

ทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องใหม่สำหรับตัวเขาโดยสิ้นเชิง แต่เขาก็คิดว่า ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? เพราะว่านี่ถือเป็นโอกาสที่จะได้ทำงานฟุตบอลเต็มเวลาทำในสิ่งที่เขารัก ซึ่งเจ้าตัวมีเวลาตัดสินใจที่จะตอบรับคำเชิญนี้เพียงแค่ 5 วันเท่านั้น
"พวกเขาให้เวลาผม 5 วันในประเทศไทย และให้ตัดสินใจเองเลยว่าอยากทำสิ่งนี้หรือไม่ เมื่อรับทราบถึงวิสัยทัศน์ และเป้าหมายของผู้บริหาร ทุกอย่างมันชัดเจนมาก ผมตอบตกลงในทันที"
"จากนาทีนั้นที่ตั้งใจจะทำงานนี้แค่ 3 ปี แล้วกลับเยอรมัน แต่จนถึงตอนนี้ผ่านมา 9 ปีแล้ว ผมยังไม่มีความคิดที่จะกลับอีกเลย"
โดยสิ่งที่เดนนิสได้รับมอบนโยบายมาเกี่ยวกับโครงการนี้ คือผู้บริหารต้องการให้เดนนิสนำองค์ความรู้ที่มีเข้ามาวางรากฐานพัฒนานักเตะเยาวชนไทยเพื่อป้อนสู่ทีมชาติไทยในอนาคต แนวคิดเดิมคือการทำงานร่วมกับโรงเรียนและอบรมครูพละ แต่เขาบอกกับผู้สนับสนุนหลักว่าแนวทางเดิมอาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับการพัฒนา
เขาจึงเสนอไอเดียการทำอะคาเดมีแบบโรงเรียนประจำ และมอบทุนการศึกษาเต็มรูปแบบให้กับเด็กที่มีแววและดูมีศักยภาพในการพัฒนา ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและต่อมาที่นี่จึงกลายเป็นหนึ่งในอะคาเดมีที่ดีที่สุดของประเทศไทย
นอกจากการทำงานกับเยาวชนแล้ว เดนนิสยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาผู้ฝึกสอนชาวไทย โดยมีโค้ชชาวไทยมากกว่าหนึ่งพันคนที่ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากเขา ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเขาในการยกระดับมาตรฐานฟุตบอลไทย
เส้นทางแห่งความสำเร็จของงานโค้ชในเมืองไทย
ระหว่างที่เดนนิสทำหน้าที่ผู้อำนวยการ STB เจ้าตัวยังได้รับมอบหมายให้ต้องไปคุมทีมสโมสรต่างๆในไทยที่อยู่ในเครือข่ายความสัมพันธ์ของผู้บริหารและพันธมิตรควบคู่กันไปด้วย โดยตัวเขาได้รับอิสระเต็มที่ในการสร้างทีม ตั้งแต่คัดนักเตะ ระบบการเล่น ไปจนถึงวิธีการฝึกซ้อม
ผลลัพธ์ที่ได้คือสามารถพาทีมประสบความสำเร็จเลื่อนชั้นได้แทบจะทั้งหมด แม้งบประมาณที่ได้รับจะจำกัดก็ตามที ซึ่งทั้งหมดนี้เขามองว่ากุญแจสำคัญคือ
"ผู้บริหารต้องไว้วางใจและไม่แทรกแซง รวมทั้งพร้อมทำงานร่วมกันในทิศทางเดียวกัน"
สำหรับผลงานเด่นๆ ที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเกิดขึ้นในปี 2016 เมื่อ เดนนิส ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสร ชัยนาท ฮอร์นบิล และเพียงปีเดียวก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก 2 ในปี 2017 พร้อมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้ทันที

นักเตะเด่นๆ ที่เดนนิส ปั้นขึ้นมาเป็นกำลังหลักของชัยนาทชุดนั้น และเป็นสองดาวรุ่งที่แจ้งเกิดได้ในเวลานั้นคือ ฉัตรมงคล ทองคีรี และ จตุรพัช สัทธรรม ซึ่งรายหลังเป็นนักเตะที่เดนนิสภูมิใจมากที่สุด เพราะเขาเป็นคนดึงตัวมาอยู่กับชัยนาทตั้งแต่สมัยที่นักเตะยังเล่นอยู่ลีกล่าง และพัฒนาขึ้นเรื่อยๆจนสุดท้ายสามารถก้าวไปติดทีมชาติไทยได้สำเร็จ
ส่วนนักเตะต่างชาตินั้นในช่วงเวลาหนึ่งการเข้ามาของ ฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ อดีตนักเตะจากลิเวอร์พูล แม้ช่วงเวลาของเขาจะไม่ได้สัมผัสกับนักเตะโดยตรง แต่ในความคิดของเขา นี่คือนักเตะที่เก่งมากๆ

นี่คืออีกหนึ่งในดีลที่ดีที่ช่วยยกระดับวงการฟุตบอลไทย โดยเดนนิสเล่าถึง ปงโกลล์ ว่า
"เขาเป็นมืออาชีพมากๆ นี่คือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา เขาเป็นมืออาชีพที่ยอดเยี่ยมมากๆ เท่าที่คุณจะนึกออกได้ พื้นฐานและเทคนิคที่เขานำเข้ามา ทำให้คุณจะไม่เห็นความแตกต่างเลยไม่ว่าเขาจะเล่นเท้าซ้ายหรือเท้าขวา"
"รวมถึงความฉลาดในการเล่น สมแล้วที่เขาเคยเล่นในเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก และพรีเมียร์ลีก"
มืออาชีพพาทีมเลื่อนชั้น
หลังจากออกมาจากชัยนาท เดนนิส ก็ยังมีผลงานสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องทั้งกับ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด และ สุโขทัย เอฟซี ซึ่งเขาก็สามารถนำทีมเลื่อนชั้นจากลีกรองขึ้นสู่ไทยลีกได้อีกเช่นกัน โดยพาทีมเชียงใหม่เลื่อนชั้นในซีซั่น 2021/22 และทีมสุโขทัยเลื่อนชั้นในซีซั่นถัดมา 2022/23 ถือว่าคุมทีมเลื่อนชั้นได้ถึงสามครั้งเลยทีเดียว

ในช่วงที่คุมเชียงใหม่นั้น ถือว่ามีเหตุการณ์ที่เจ้าตัวได้แสดงความสามารถออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดนั่นคือ
เดนนิสเข้ามารับงานคุมทีมในเดือนพฤศจิกายน 2019 หลังจากที่ทีมลงเล่นไปแล้ว 7 หรือ 8 เกม ก่อนที่ลีกจะหยุดชะงักเกือบสองเดือนเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้หลังจากนั้นต้องเร่งเตะอีก 17 นัดภายใน 8 สัปดาห์
เดนนิสเลือกที่จะเน้นไปที่การฟื้นฟูร่างกายแทนการซ้อมหนัก
ซึ่งผลที่ได้คือทีมมีความสดมากกว่าคู่แข่งนำมาซึ่งผลการแข่งขันที่ดีและสุดท้ายสามารถคว้าตั๋วเลื่อนชั้นได้สำเร็จในที่สุด
"จากประสบการณ์ของผม เราไม่ต้องฝึกซ้อมเยอะแล้วเพราะไม่มีเวลาเหลือแล้ว ดังนั้นเราจึงแค่ต้องพักฟื้น เราเล่นหนึ่งเกม เราพักฟื้น เราเล่นอีกหนึ่งเกม ก็พักทันที และผมสามารถโน้มน้าวท่านประธานให้เชื่อได้ว่าเราไม่จำเป็นต้องฝึกซ้อม ซึ่งท่านเชื่อใจ และทีมของเราก็รู้สึกสดชื่นอยู่เสมอ"
"จากนั้นเมื่อลงแข่งเราก็เห็นทีมอื่น ๆ ที่เริ่มออกอาการเหนื่อยล้าหลังจากผ่านไป 50-60 นาที และนั่นทำให้ช่วงเวลาที่เหลือหลังจากนั้นทำให้เราเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในที่สุด และนี่คือกุญแจสำคัญในตอนนั้น"
นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เห็นถึงมันสมองและไอเดียของเดนนิส ในการปรับทีมให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม เรื่องราวการคุมทีมของ เดนนิส อมาโต้ ทั้งไหวพริบอันเฉียบคม ความสามารถในการปรับตัวในสถานการณ์ที่ยากลำบาก และกลยุทธในการหาทางเอาชนะและแก้ไขปัญหาทั้งในและนอกสนาม
อาจจะไม่กล่าวเกินเลยไปนัก ถ้าเราจะเชื่อว่าเขาคือ “Mr. Solution” ของวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง
ฟุตบอลไทยในมุมมองของเดนนิส
เดนนิส อมาโต้ มีความชื่นชมนักเตะไทยในเรื่องของพรสวรรค์ แต่ตัวเขาเองยอมรับว่าระบบการพัฒนาเยาวชนของไทย ยังถือว่าล้าหลังกว่าประเทศในยุโรปประมาณ 20 ปี หลายสโมสรในไทยลีก โค้ชยังใช้วิธีการฝึกซ้อมแบบเก่าๆเหมือนสมัยที่เขายังเป็นนักเตะ
เขามองว่าทางเดียวที่จะทำให้ฟุตบอลไทย ก้าวไปสู่การแข่งขันในระดับโลกได้ คือ
ต้องเริ่มพัฒนาจากรากหญ้าเท่านั้น

โดยเขายกตัวอย่างทีมเยาวชนไทยจากโครงการ STB รุ่น U15 ที่เข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศออสเตรีย ซึ่งในขณะนั้นเขาทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการโครงการและวางโครงสร้างการพัฒนา
ผลที่ได้คือทีมชุดนี้สามารถไปเอาชนะบาเยิร์น มิวนิค ชุดเยาวชน ในทัวร์นาเมนต์นั้นได้ นั่นแสดงว่าหากมีการฝึกในโครงสร้างที่ถูกต้องแล้ว นักฟุตบอลไทยก็มีศักยภาพมากพอที่จะสู้กับประเทศชั้นนำอื่นๆได้
"Maycon Douglas Cardozo" คือหนึ่งในตัวอย่างของผลผลิตนั้น เมื่อดาวรุ่งพรสวรรค์จากโครงการของ STB ได้รับการเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมบาเยิร์นมิวนิก ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จของปรัชญาและการพัฒนาเยาวชนของสถาบันแห่งนี้

GCU Skills Academy
ในฤดูกาลล่าสุด (2024) เดนนิส อามาโต ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของพัทยายูไนเต็ด ก่อนที่จะแยกทางกับสโมสร

ปัจจุบัน เดนนิส อมาโต้ หันมาทำงานที่เขาถนัดและคุ้นเคยอีกครั้ง นั่นคือการพัฒนานักเตะระดับเยาวชนอย่างจริงจัง ผ่านอะคาเดมีของตนเองที่เขาก่อตั้งขึ้นมา ในชื่อ GCU Skills Academy (ย่อจาก Grow – Create – Unleash) เพื่อฝึกเยาวชนอายุ 7–14 ปี
เป้าหมายคือการสร้างนักเตะที่มีทัศนคติและความมุ่งมั่นที่ถูกต้อง โดยไม่แบ่งแยกว่าเก่งหรือไม่เก่ง ทุกคนควรได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีและออกไปเป็นคนที่ดีกว่าเดิม
"สำหรับผม ไม่มีคลาสหรือหลักสูตรไหนที่จะบอกได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นโค้ชคืออะไร เพราะแต่ละคนก็มีมุมมองต่อฟุตบอลแตกต่างกันออกไป ในฟุตบอลไม่มีคำว่า “ถูก” หรือ “ผิด” มีเพียงมุมมองของแต่ละคนต่อสถานการณ์เดียวกัน"
"ยกตัวอย่างเช่น ผมอาจบอกให้คุณเคลื่อนไปทางขวา แต่โค้ชอีกคนอาจบอกให้คุณไปทางซ้าย ทั้งที่เป็นสถานการณ์เดียวกัน นั่นเพราะเรามองเกมจากแนวคิดการเล่นที่ต่างกัน และจริงๆ แล้ว ทั้งสองทางก็สามารถถูกได้ทั้งคู่"

เดนนิสเล่าว่า เขาดีใจที่ได้เห็นมุมมองแบบนี้ ได้เห็นนักเตะหลากหลายรูปแบบ แม้ว่าตัวเขาจะไม่สามารถมอบทุนการศึกษาแบบเต็มจำนวนหรือสร้างคอนเนคชันในการหาทีมให้เด็กๆได้
แต่ตัวเขาสามารถมอบสิ่งที่มีค่ามากกว่านั้น นั่นคือ “ความมุ่งมั่น” และ “ทัศนคติที่ถูกต้อง” ที่เขาตั้งใจจะสอนให้เด็กๆมีสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่าต่อไปหลังจากนี้ เด็กๆเหล่านั้นจะกลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้หรือไม่ก็ตาม
"วันหนึ่งเมื่อพวกเขาก้าวออกไปจากที่นี่ ผมอยากให้พวกเขาเป็นทั้ง “คนที่ดีขึ้น” และ “นักฟุตบอลที่ดีขึ้น” นั่นคือสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำให้สำเร็จ"
"สิ่งที่ผมอยากให้พวกเขามีคือความพร้อม ไม่ว่าจะเข้าสู่อะคาเดมีชั้นนำได้หรือไม่ ผมอยากให้พวกเขาเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง ในแบบที่ไม่ต้องพึ่งพาการผลักดันจากพ่อแม่ที่ทะเยอทะยานจนกดดันลูก เพียงเพื่อจะบอกว่าลูกตัวเองเก่งกว่าคนอื่นต้องได้ลงเล่นมากกว่า แม้จะเป็นเวลาแค่ 5 วินาทีก็ตาม"
เดนนิส อมาโต้ ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทย และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานฟุตบอล สำหรับเขาแล้ว นี่ไม่ใช่ “งาน” ในความหมายทั่วไป เพราะมันคือการได้ทำในสิ่งที่เขารักอย่างแท้จริง แม้ในยามว่างจะชอบดูหนัง ฟังเพลง หรือออกไปกินอาหารอร่อย เหมือนคนทั่วไป แต่ใจของเขาก็ยังผูกพันอยู่กับฟุตบอลเสมอ
“เวลาว่าง” สำหรับเขาแทบจะไม่มีความหมาย เขามีชีวิตอยู่กับฟุตบอลและอยู่กับสิ่งนี้ตลอดเวลา แต่ก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองต้องเสียสละอะไร เพราะสิ่งที่ทำไม่ใช่งาน หากเป็นความสุขและความหลงใหลที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับฟุตบอลทุกวัน
เขาอธิบายว่า ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา เขาจะหายใจลึกๆ และคิดถึงวันที่จะได้ทำงานเกี่ยวกับฟุตบอล แม้ในวันที่ไม่มีภารกิจ ก็ยังใช้เวลาผ่อนคลายด้วยสิ่งที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลอยู่ดี
สำหรับเดนนิส ฟุตบอลไม่ใช่เพียงอาชีพ แต่คือวิถีชีวิตที่เขาเลือกและรักอย่างเต็มหัวใจ
นี่คือหนึ่งในโค้ชต่างชาติที่สร้างผลงานและสีสันให้กับฟุตบอลไทยได้ไม่น้อย ใครๆที่เป็นแฟนของเดนนิส ติดตามผลงานของเจ้าตัวได้ที่ GCU Skills Academy
📸: Dennis Amato, STB, Chainat Hornbill, SukhoThai FC, Pattaya United, Thai League, GCU Skills Academy