ไหม "ธนีกานต์ แดงดา" เมื่อฟุตบอลพามาไกลกว่าใจฝัน

ไหม "ธนีกานต์ แดงดา" เมื่อฟุตบอลพามาไกลกว่าใจฝัน

เมื่อสายลมหนาวเข้ามาเยือน ณ เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ที่ห่างออกไปจากโตเกียวราว 3 ชั่วโมง ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ หรือเพียงชั่วโมงเศษๆ เท่านั้น หากเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซ็น ที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่นิยมชมชอบในการเล่นสกี

นากาโนะ ประเทศญี่ปุ่น
"ถ้าเป็นแต่ก่อนคนไทยจะมาเล่นสกีคือต้องไปฮอกไกโด แต่เดี๋ยวนี้ฮาคุบะมาแรงมาก คนไทยเริ่มมาเที่ยวที่นี่กันเยอะขึ้น"

ณ เมืองนากาโนะแห่งนี้ นักฟุตบอลสาวชาวไทยคนหนึ่ง กำลังเดินเข้าสู่สนามซ้อมของทีมเอซี นากาโนะ ปาร์เซโร่ เลดีส์ ต้นสังกัดปัจจุบันของเจ้าตัว ท่ามกลางสภาพอากาศอันเย็นยะเยือก แต่ก็แวดล้อมด้วยธรรมชาติอันงดงาม

ณ ที่แห่งนี้ คือสถานที่ ที่ชีวิตของ "ไหม" ธนีกานต์ แดงดา นักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย กำลังโลดแล่นและไล่ล่าความฝันในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ บนลีกสูงสุดของแผ่นดินซามูไร (ไหมถือว่าเป็นนักเตะหญิงไทยคนที่สอง ต่อจาก "พรพิรุณ พิลาวัน" ที่เล่นกับทีมมายนาวิ เซนได)

ไหมกับทีมเอซี นากาโนะ ปาร์เซโร่ เลดีส์

ทุกๆอย่างคือการต่อสู้อันเข้มข้นและต้องเต็มที่อยู่เสมอ เป็นเดิมพันที่ถ้าเธอทำสำเร็จ มันจะไม่ใช่แค่ชื่อเสียงของเธอเพียงคนเดียว แต่เธอจะเป็นผู้บุกเบิกนำร่อง เพื่อเปิดทางให้แข้งสาวไทยคนต่อๆไป ได้เดินตามหมุดหมายธงชาติไทย ที่เธอได้ไปปักเอาไว้ให้ก่อนหน้านี้

"แอมแปร์" ณัฐวดี ปร่ำนาค และ "ไหม" ธนีกานต์แดงดา สองนักเตะไทยของสโมสรนากาโนะ ปาร์เซโร่
"แฟนบอลที่นี่เขาสนับสนุนทั้งฟุตบอลชายและหญิง วันนี้เชียร์บอลชายอีกวันก็มาเชียร์บอลหญิง เมืองก็สนับสนุนเต็มที่ มีป้ายรูปเราเต็มไปหมด ทั้งตามท้องถนนและสถานีรถไฟฟ้า เหมือนเราเป็นตัวแทนของเมือง"
"ก่อนฤดูกาลจะเริ่มเราก็มีไปเดินแจกโปสเตอร์แจกไปปลิวโปรโมต ให้ชาวเมืองรู้ว่า นี่คือทีมของคุณจังหวัดของคุณนะ มาช่วยกันเชียร์"

จุดเริ่มต้นที่ไม่ได้เริ่มจากความฝัน

แม้ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย จะประสบความสำเร็จ ในการผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกมาแล้วสองสมัย แต่ว่า กระแสความนิยมของฟุตบอลหญิง ก็ยังไม่ได้แพร่หลายอย่างที่ควรจะเป็น

หลายคนจึงอาจจะคิดว่าเส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลหญิงนั้น ล้วนต้องเริ่มต้นมาจากความฝันอันแรงกล้า แต่อาจจะไม่ใช่กับ ไหม ธนีกานต์ แดงดา ที่กว่าจะมาถึงวันนี้ ทุกอย่างของไหมกลับเริ่มต้นมาจากความสงสัยเล็ก ๆ และแรงบันดาลใจในวัยเด็กที่ไม่เหมือนใคร

"ตอนเด็กๆ หนูไม่ได้อยากเล่นบอลเลยค่ะ แต่ตอนนั้นเห็นพี่มุ้ยได้ไปต่างประเทศ ได้เสื้อผ้าฟรี หนูก็แค่อยากได้แบบนั้นบ้างเท่านั้นเอง หนูก็ให้พ่อสอนเลย ไม่ได้อยากจะเรียนกับคนอื่น เพราะเชื่อว่าถ้าพ่อสอนพี่มุ้ยให้เก่งแบบนั้นได้ ก็ต้องสอนหนูได้เหมือนกัน"
ไหมกับคุณพ่อ ประสิทธิ์ แดงดา

สำหรับแรงบันดาลใจของไหมนั้น ไหมเล่าว่า ไม่ได้เริ่มต้นมาจากความหลงใหลในกีฬาฟุตบอลแต่อย่างใด เพราะในสมัยนั้นฟุตบอลหญิงก็ยังไม่ได้แพร่หลายอะไรมากนัก แม้ว่าไหมจะเติบโตมาในครอบครัวของนักฟุตบอลก็ตามที โดยเฉพาะเมื่อไหมมีพี่ชาย และพี่ชายของไหมคนนี้ชื่อ "มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา ซะด้วย

ครอบครัวแดงดา

แต่ทั้งหมดของพี่มุ้ย ไม่ว่าจะเป็น ฝีเท้า ชื่อเสียง หรือความสำเร็จ กลับไม่ใช่แรงบันดาลใจของไหมซะทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจากแค่อยากได้ไปต่างประเทศเหมือนพี่ชาย สุดท้ายฟุตบอลจะนำมาพา ไหม ให้มาไกลได้ถึงขนาดนี้

การเป็นน้องพี่มุ้ย บางทีก็เป็นดาบสองคม การเป็นน้องนักเตะระดับ ธีรศิลป์ แดงดา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะเมื่อคำว่า "น้องพี่มุ้ย" ติดตัวเธอตั้งแต่เด็กๆ จนโต และจนถึงปัจจุบัน

"ถ้าแต่ก่อนตอนเด็กๆ มันก็อาจจะมีนอยๆบ้าง บางครั้งแทบจะอยากเลิกเล่นฟุตบอลเลยนะ รู้สึกว่าทำไมไม่เป็นเราเลย แต่พอตอนนี้ ก็เข้าใจมากขึ้น... เราก็ภูมิใจที่คนนึกถึงเรา แม้จะเพราะนึกถึงพี่มุ้ยด้วยก็ตาม เพราะสุดท้ายมันคือครอบครัวเดียวกัน มันไม่เป็นไรเลย"

เมื่อฟุตบอลพาไปไกลกว่าที่ฝัน

ไหมเริ่มต้นในระดับสโมสรกับทีมกรุงเทพมหานคร และมีจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อเธอมีโอกาสได้ออกไปค้าแข้งในต่างประเทศ ประสบการณ์ในต่างแดน ทำให้ไหมได้เห็นโลกฟุตบอลในมุมที่ไม่เคยสัมผัส

🇸🇪 ในปี 2014 ไหม ธนีกานต์ ที่ขณะนั้นกำลังเป็นดาวรุ่ง ได้รับโอกาสในการเดินทางไปค้าแข้งช่วงเวลาสั้นๆ ราว 2 เดือนเศษ กับ สโมสรออสเตอร์ซุนด์ส ทีมในลีกดิวิชัน 2 ของสวีเดน และสามารถสร้างผลได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเป็นกำลังสำคัญพาทีมเลื่อนชั้นสู่ระดับดิวิชัน 1 ได้สำเร็จ

ไหม กับเพื่อนๆร่วมทีมออสเตอร์ซุนด์ส
"เป็นครั้งแรกที่ได้ออกไปอยู่ต่างประเทศเอง ทำให้ได้เรียนรู้ว่าโลกฟุตบอลมันกว้างกว่าที่เราคิดมากแค่ไหน การฝึกซ้อมของเขาก็จะไม่เยอะนะ แต่เข้มข้น สนุก และอิสระมาก"
ไหม กับชีวิตในประเทศสวีเดน

การได้อยู่คนเดียวในต่างแดน ฝึกซ้อมกับวัฒนธรรมที่แตกต่าง ไม่ได้ทำให้เธอถอย แต่ยิ่งทำให้ไหมอยากจะพยายามให้มากยิ่งขึ้น เพื่อทำให้เธอได้รู้ว่า เส้นทางนี้...เธอเลือกเดินเองแล้วจริง ๆ

ไหม ในชุดทีมออสเตอร์ซุนด์ส

จากแคนาดาสู่ฝรั่งเศส: ฝันให้ใหญ่แล้วไปให้ถึง

สำหรับนักฟุตบอลทุกคน การได้ติดทีมชาติคือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ แต่การได้ไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายคืออีกขั้นของความฝันและความสำเร็จ ที่น้อยคนนักจะได้สัมผัส

"ไหม ธนีกานต์" คือหนึ่งในนักเตะชุดประวัติศาสตร์ของฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ที่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกที่แคนาดา 🇨🇦 ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลหญิงไทย ในปี 2015

รายชื่อ 23 ผู้เล่นที่ได้เดินทางไปครั้งนั้น ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศ แต่ยังถือเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลหญิงทั่วประเทศ ที่อยากจะเดินรอยตาม เพื่อหวังว่าสักวันตัวเองจะไปได้ถึงจุดนั้นบ้างในอนาคต

แม้การเดินทางครั้งนั้นของไหม จะไม่ได้เป็นไปอย่างที่เธอคาดหวัง และยังได้นำความรู้สึกค้างคาในใจนั้นติดตัวกลับมาด้วย เพราะเจ้าตัวไม่มีโอกาสได้ลงสนามเลยตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์

"ไหมกลับมาจากแคนาดาด้วยความรู้สึกว่า...เรายังไม่ได้เล่นบอลโลกเลย ดังนั้นนี่มันต้องไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของเรากับฟุตบอลโลก"

จุดนี้นี่เองที่ไหม เปลี่ยนความเสียใจให้เป็นแรงผลักดัน ว่าถ้ามีโอกาสครั้งหน้า เธอจะต้องลงเล่นให้ได้ ขอมีส่วนร่วมกับการการแข่งขัน อยากเป็นส่วนหนึ่งของเกม ไม่ใช่แค่ในใบรายชื่อ

4 ปีผ่านไป ไวเหมือนโกหก ในปี 2019 ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย กรุยทางผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกได้สำเร็จอีกครั้ง และแน่นอนว่า ไหม ธนีกานต์ คือหนึ่งในกำลังสำคัญของทีมชุดนี้อย่างปฎิเสธไม่ได้..

ทำให้เมื่อการแข่งขันในรอบสุดท้ายเดินทางมาถึง สิ่งที่เธอเฝ้ารอมา 4 ปี ความฝันของเธอก็เป็นจริงในที่สุด ไหมได้รับโอกาสลงสนามในเวทีฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศส 🇫🇷 และนี่คือหนึ่งในความทรงจำที่พิเศษมากๆ ที่ยังอยู่ในใจของเธอมาจนถึงทุกวันนี้

"แอสซิสต์ลูกนั้น...คือความภูมิใจที่สุดในชีวิตนักฟุตบอลของหนูเลยค่ะ มันคุ้มค่ากับทุกอย่างที่อดทนมาถึงตอนนั้น"
จังหวะไหม ผ่านบอลยาว เป็นแอสซิสต์ให้ทีมชาติไทยทำประตูประวัติศาสตร์ในศึกฟุตบอลโลก

ประตูแรกและประตูเดียวที่ทีมชาติไทยทำได้ ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนั้น มาจากจังหวะโต้กลับเร็ว ที่ ไหม ผ่านบอลยาวไปข้างหน้าให้กับ กาญจนา สังข์เงิน กระชากบอลก่อนยิงยัดเสาแรกเข้าไปให้ทีมชาติไทยไล่มาเป็น 1-4 ในการแข่งขันนัดที่สองกับทีมชาติสวีเดน

ดูไฮไลต์เกมการแข่งขัน ได้ที่ Youtube

ก่อนจบเกมทีมชาติไทยพ่ายไปในที่สุดด้วยสกอร์ 1-5 แต่ประตูนี้ก็ถือเป็นประตูเดียวที่ทีมชาติไทยทำได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนั้น..


🇨🇳 ล่าฝันในต่างแดน : เรื่องบางอย่างก็ควบคุมไม่ได้

ภายหลังศึกฟุตบอลโลกปี 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศส จบลงไป ชีวิตของ ไหม ธนีกานต์ มาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกครั้ง เมื่อได้รับข้อเสนอจากสโมสรยูนนาน เหิงจิ้น เป่ยเหลียน ที่ต้องการดึงตัว ไหม ไปเล่นที่ประเทศจีน ไหมตัดสินใจรับข้อเสนอนี้และได้ย้ายไปยังประเทศจีน

ชีวิตในประเทศจีนนั้น ไหมเริ่มต้นได้อย่างสวยงาม เป็นตัวหลักของทีมและยิงอย่างต่อเนื่อง

ไหมกับเพื่อนร่วมทีมยูนนาน เหิงจิ้น เป่ยเหลียน

แต่โชคร้ายไม่นานนัก สถานการณ์โควิด-19 ที่ประเทศจีน ก็เริ่มแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การแข่งขันฟุตบอลและกิจกรรมแทบทุกอย่างในประเทศรวมถึงทั่วโลกต้องหยุดชะงัก

ไหม จึงจำเป็นต้องเดินทางกลับประเทศไทยเร็วกว่าที่คิด แบบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากนั้นก็ได้กลับมาค้าแข้งในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และยังคงไม่ทิ้งความฝัน ยังรอว่าสักวัน โอกาสจะกลับมาหาอีกครั้ง


🇯🇵 ณ ดินแดนซามูไร

ในที่สุดโอกาสที่เฝ้ารอก็มาถึง ปัจจุบัน "ไหม" ธนีกานต์ แดงดา ค้าแข้งในประเทศญี่ปุ่น โดยอยู่กับทีมเอซี นากาโนะ ปาร์เซโร เลดีส์ (เมืองนากาโนะ) โดยลงเล่นใน WE League (Women Empowerment League) ซึ่งถือเป็นลีกฟุตบอลอาชีพหญิงระดับสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น เป็นลีกหญิงแห่งแรกในเอเชียที่ถือเป็น "Fully Professional League" หรือ "ลีกอาชีพเต็มตัว" โดยเจ้าตัวได้ย้ายมาร่วมทีมพร้อมกับรุ่นน้องทีมชาติไทย "แอมแปร์" ณัฐวดี ปร่ำนาค

ไหมกับจังหวะฉลองการยิงประตูให้กับทีม

การแข่งขันที่นี่ มีการถ่ายทอดสดอย่างเป็นทางการ ถือได้ว่าเป็นแหล่งปั้นนักเตะชั้นดี ที่หลายๆคนในตอนนี้สามารถก้าวไปเล่นในลีกยุโรปได้แล้ว

"ญี่ปุ่นเค้าไปไกลมาก... ไปพรีเมียร์ลีกแบบเยอะเลย มีเชลซี เลสเตอร์... ใช่ เยอะมาก"

สำหรับ ไหม ธนีกานต์ กับตำแหน่งกองหน้า แม้ว่าในทีมจะมี ไหม เป็นศูนย์หน้าโดยตำแหน่งแค่คนเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไหมจะการันตรีตำแหน่งตัวจริงแทบทุกนัดแต่อย่างใด โดยไหมเล่าว่า

"ที่ญี่ปุ่นโค้ชเขาจะจับใครลงเล่นตรงไหนก็ได้ถ้าเขาอยากให้เล่น"

และเป็นแบบนี้แทบทุกทีม ด้วยความเชื่อที่ว่านักฟุตบอลไม่จำเป็นต้องเล่นตำแหน่งเดียว ทุกตำแหน่งต้องสามารถทดแทนกันได้หมด ทำให้ตัวไหมเองที่ถูกฝึกมาให้เป็นกองหน้าอาชีพ ต้องใช้เวลาในการปรับตัวอยู่พอสมควรเลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องพละกำลังที่ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก แม้เทคนิคของนักฟุตบอลไทยจะดีแค่ไหนก็ตาม

"เวลาไล่เขาไม่ได้ไล่คนเดียว บอลญี่ปุ่นเขาไล่เราทั้งทีม"

ชีวิตประจำวันที่ญี่ปุ่น ไหมจะตื่นนอนเวลาประมาณ 8 โมงเช้า ทานอาหารเช้าไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็จะเดินทางไปยิม แม้ทางสโมสรจะไม่ได้มีตารางบังคับตายตัว แต่ก็เป็นอันรู้กันว่า ถ้าไม่ได้เข้ายิม นักเตะก็ต้องฝึกซ้อมดูแลร่างกายตัวเองด้วยวิธีอื่นๆ

หลังจากนั้นก็จะกลับมานอนพักราว 1 ชั่วโมง ก็ทานอาหารกลางวัน แล้วไปซ้อมภาคบ่ายต่อที่สโมสรในเวลาบ่ายสองครึ่งจนถึงเย็น หลังจบการซ้อม ส่วนใหญ่ก็จะไปออนเซ็นกัน ทานอาหารเย็น แล้วก็เข้านอน

ร่วมซ้อมกับทีม
"สำหรับไหม ทุกแมตช์คือบททดสอบ และทุกวันคือการเตรียมพร้อม ไม่ว่าจะได้ลงสนามหรือไม่ ก็ต้องพร้อม 100% การมาเล่นที่ญี่ปุ่นมันคือความท้าทายตัวเองอย่างที่สุด ทุกอย่างคือเป๊ะมาก ตั้งแต่เวลาซ้อมจนถึงการดูแลร่างกาย และทุกคนที่นี่นั้นวิ่งกันเยอะมาก เรื่องวิ่งมันเป็น DNA ของคนญี่ปุ่นอยู่แล้ว"
"ในวันแข่งคนที่วิ่งมากที่สุดต่อเกมบางทีวิ่งถึง 12 กม. มากกว่าผู้ชายซะอีก ในสนามไม่มีใครยืนเฉยๆเลย วันแข่งถ้าไม่ได้ลงสนาม วันต่อมาก็จะต้องลงเล่นเกมเทรนนิ่งกับทีมสำรองทันที ทุกคนต้องพร้อมเสมอ"
ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพที่นี่ คำว่าวันหยุดไม่มีอยู่จริง

มาดูจังหวะการทำประตูของไหมผ่าน Instagram ด้านล่าง

สำหรับโอกาสของนักฟุตบอลหญิงไทย ในการมาค้าแข้งที่ญี่ปุ่นนั้น ไหมมองว่า เด็กรุ่นใหม่หลายๆคน มีเทคนิคส่วนตัวที่ดีมาก ถ้าถามว่ายากไหมในการมาเล่นที่นี่ ก็ต้องบอกว่าไม่ง่าย เพราะด้วยความเป็นมืออาชีพของคนที่นี่ การแข่งขันมันสูง

เขาไม่ได้คิดแค่ว่ามาซ้อมบอล เสร็จแล้วก็กลับบ้าน แต่เขาคิดว่าคือการมาทำงาน ดังนั้นต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุด

เหมือนว่าเขาแข่งขันกันตั้งแต่นอกสนามแล้ว ซึ่งถ้าอยากจะเก่งขึ้นก็ต้องพยายามออกมากันให้ได้ มาเจอโลกกว้าง แล้วจะรู้ว่ามันแตกต่างจากบ้านเราแค่ไหน

"แค่มาซ้อมเฉยๆ ก็รู้แล้วว่ามันเข้มข้นแค่ไหน มันไม่ใช่ความคิดแบบตอนที่เล่นในบ้านเรา ที่ถ้านัดซ้อม 4 โมง แล้วจะมากี่โมงก็ได้ ที่นี่ไม่ใช่ เราตื่นมาต้องวิ่งทุกวันสู้ทุกวัน เสาร์นี้ได้ลง เสาร์หน้าอาจจะไม่ได้ลงแล้วก็ได้
"ต้องซ้อมให้ดีกว่าเดิม เพราะคนอื่นเขาก็อยากลงเหมือนกัน คนที่ไม่มีชื่อก็อยากจะมีชื่อ พอเวลาที่หนูไม่มีชื่อบ้าง หนูก็ต้องคิดแล้วว่าจะทำยังไง"

เรื่องราวของไหม บนสื่อญี่ปุ่น 🇯🇵

(1) นี่คือส่วนหนึ่งของเนื้อหา ที่ N-Maga สื่อของญี่ปุ่น ตีพิมพ์บทวิเคราะห์เบื้องหลังการคว้าตัว ไหมมาร่วมทีม

ผู้ผลักดันดีลนี้คือ เท็ตสึยะ มุรายามะ ผู้อำนวยการเทคนิคคนใหม่ของเอซี นากาโนะ ซึ่งเคยมีประสบการณ์ทำงานกับธีรศิลป์สมัยอยู่ที่ฮิโรชิม่า และยังเคยทำงานในวงการฟุตบอลไทยมาก่อน

มุรายามะมองว่า การดึงธนีกานต์เข้าทีมจะช่วยยกระดับเกมรุกของสโมสร หลังจากทีมเสียกองหน้าคนสำคัญไป โดยเขาชื่นชมจุดเด่นของเธอทั้งในด้านสรีระ (สูง 173 ซม.) ความแข็งแกร่งทางร่างกาย และเทคนิคการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม รวมทั้งยังมีความสามารถในการพักบอลได้ดี

รวมไปถึงผลพลอยได้อื่นๆที่อาจจะตามมาอย่างเช่น ด้านการตลาดและภาพลักษณ์ จากการดึงดาวเตะสาวไทยผู้นี้ เนื่องจากธนีกานต์เป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมชาติไทยที่มีฐานแฟนคลับในโซเชียลมีเดียจำนวนมาก (อินสตาแกรมของเธอมีผู้ติดตามราว 80,000 คน)

การมาของเธอครั้งนี้ อาจจะช่วยให้สโมสรเป็นที่สนใจในหมู่แฟนบอลต่างชาติ และสอดรับกับยุทธศาสตร์ของจังหวัดนากาโนะที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย

(2) สถานีโทรทัศน์ SBS ท้องถิ่นชินเอ็ตสึ [TBS News Dig] ได้ร่วมนำเสนอเรื่องราวของสองนักเตะไทย โดยทำการเผยแพร่รายงานพิเศษ เกี่ยวกับบทบาทของธนีกานต์และณัฐวดี ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองนากาโนะ

โดยสองแข้งสาวไทยได้ร่วมสำรวจร้านขนมและจุดชมวิวสวยงามในท้องถิ่น พร้อมเผยแพร่รูปภาพผ่านโซเชียลมีเดียของตนเอง เพื่อแนะนำเสน่ห์ของเมืองนากาโนะแก่แฟนๆ ชาวไทย

(3) เว็บไซต์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดนากาโนะ (Go! Nagano) ลงบทความแนะนำสโมสรเอซี นากาโนะ ปาร์เซโร่ ซึ่งได้กล่าวถึงธนีกานต์และณัฐวดี ในฐานะจุดเด่นหนึ่งของทีมที่มีผู้เล่นทีมชาติไทยอยู่ในชุดนักเตะปัจจุบัน บทความระบุว่าธนีกานต์มีประสบการณ์ค้าแข้งในลีกยุโรป (สวีเดน) และเอเชียตะวันออก (จีน)

"เธอเป็นคนเงียบๆ สุขุม อุปนิสัยใจเย็น แต่สามารถปรับตัวกับการใช้ชีวิตต่างแดนได้อย่างรวดเร็ว"

ซึ่งสะท้อนว่าเธอปรับตัวเข้ากับชีวิตที่ญี่ปุ่นได้อย่างราบรื่น


ในแคมป์ทีมชาติไทย 🇹🇭

การเป็นนักเตะที่เล่นอยู่ในญี่ปุ่นของไหม กับทีมชาติไทยในปัจจุบันที่ใช้โค้ชชาวซามูไร "ฟูโตชิ อิเคดะ" ไหมมีโอกาสถูกเรียกตัวมาร่วมทีม 2 ครั้งแล้ว แน่นอนสิ่งที่ได้สัมผัสจากโค้ช ก็ไม่ต่างมากนักจากสิ่งที่ตัวไหมเคยสัมผัส ทั้งวิธีการฝึกสอนและระเบียบวินัยสไตล์ญี่ปุ่น

ในตอนนี้โค้ชกำลังใช้เวลากับการปรับตัวและทำความรู้จักกับนักเตะทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ๆ ซึ่งจากที่ได้สัมผัสไหมคิดว่า โค้ชต้องการให้ทุกคนเรียนรู้ข้อผิดพลาดของตัวเองให้มากที่สุด เพราะตอนนี้โค้ชยังยอมรับข้อผิดพลาดของทุกคนได้ เพื่อที่โค้ชจะได้ใช้เวลาที่ยังเหลืออยู่ก่อนการแข่งขันจริงจะมาถึง ในการหาทางแก้ไขข้อผิดพลาดทั้งหลายเหล่านี้

"ไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วง โค้ชระดับโลกเขารู้วิธีว่าต้องทำอย่างไร"

การอยู่ในวงการฟุตบอลมาอย่างยาวนานของ ไหม ธนีกานต์ ทำให้ในตอนนี้นั้น ไหมเองถือว่าเป็นรุ่นพี่คนหนึ่งในแคมป์ทีมชาติไทย ไหมกลายเป็นพี่สาวของน้อง ๆ ทีมชาติรุ่นใหม่ เป็นพี่ที่น้องๆเข้าหาได้ ไหมอยู่มานานพอที่จะเข้าใจและและรับได้กับทุกความเปลี่ยนแปลงของฟุตบอลหญิงไทยยุคใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

"ใครก็ได้ที่สามารถเข้ามาเติมเต็มทีมได้ ไม่ว่าจะลูกครึ่งจากต่างแดนหรือคนไทยในประเทศ ขอแค่เขาพร้อม เราก็ยินดีต้อนรับหมดค่ะ ถ้าเขาสามารถเข้ามาช่วยเราได้จริง ๆ ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ เพราะว่าเขาเองก็มีสายเลือดไทยเหมือนกัน ถ้าทำให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีม มาช่วยกันอะไรอย่างนี้ ไม่ว่าใครก็ตาม ก็มาช่วยกันพาทีมไปฟุตบอลโลกให้ได้"

ไหม แสดงความเห็นสั้นๆ เรื่องนักเตะลูกครึ่งกับทีมชาติไทย


To be Continued : ยังคงเดินต่อไปไม่หยุดฝัน

"ตอนนี้หนูอายุ 33 แล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้ หนูอยากจะปิดฉากที่บอลโลกอีกสักครั้ง ถึงตอนนี้ไม่รู้ว่าจะได้ไปไหม แต่ในใจก็ยังอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของตรงนั้นอยู่เสมอ"

สุดท้ายไหมอยากจะฝากถึงน้องๆ ที่กำลังเล่นกีฬาฟุตบอล ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ถ้ามีความฝันอยากจะเล่นฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จในอนาคต ก็อยากให้ขยันฝึกซ้อม อะไรที่คิดว่าเก่งอยู่แล้ว ก็ยังสามารถฝึกให้เก่งขึ้นได้อีก สำคัญที่สุดคือพัฒนาตัวเองในทุกวันทั้งในและนอกสนาม

ฟุตบอลไม่ใช่แค่กีฬา แต่คือชีวิต ฟุตบอลพาไหมเดินทางไกลกว่าที่เธอเคยฝัน

..เธอยังคงมุ่งมั่น วิ่งต่อไป ..แม้ในวันที่ใครบางคนจะหยุดวิ่งไปแล้วก็ตาม

ติดตามไหม ธนีกานต์ แดงดา และก้าวต่อไปของเธอได้ที่

Facebook: taneekarn.dangda

Instagram: @Taneekarn17

Photo: Parceiro, Taneegarn Dangda, Targma, TBS, Go-Nagano

Reference: Targma.jp(1), TBS News Dig(2), Go-Nagano.net(3)